บทที่11สงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามโลกครั้งที่
1
เริ่มใน ค.ศ. 1914
สิ้นสุดใน ค.ศ.1918 เป็นความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ
2 ค่าย คือ ประกอบด้วย เยอรมนี ออสเตรีย – ฮังการี และอิตาลี (ผู้นำสำคัญ คือบิสมาร์ค แห่งเยอรมนี) กับฝ่าย
ประกอบด้วย Triple Entente ได้แก่ บริเตนใหญ่ ( อังกฤษ )
ฝรั่งเศส และรัสเซีย การรบเริ่มขึ้นหลังการลอบสังหารมกุฎราชกุมารแห่งออสเตรีย –
ฮังการี และสิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของมหาอำนาจกลาง หรือ Triple
Alliance มีการทำสนธิสัญญาแวร์ซายส์
บังคับให้เยอรมนีและพันธมิตรเสียค่าปฏิกรรมสงครามชดใช้จำนวนมหาศาลและเสียดินแดนที่เป็นอาณานิคมให้แก่ฝ่าย
Triple Entente
สาเหตุสงครามโลกครั้งที่ 1
ลัทธิชาตินิยม
การเกิดลัทธิชาตินิยมจากคริสต์ศตวรรษที่
15 เป็นต้นมา ทำให้เกิดระบบรวมรัฐชาติ สร้างระบบรวมอำนาจเข้าสู่ส่วนกลาง
รัฐชาติในประเทศยุโรปต่างแสวงหาความเป็นมหาอำนาจ ทั้งทางทหารและเศรษฐกิจ
รัฐชาติหมายถึง รัฐหรือประเทศที่ประชาชนมีความรู้สึกผูกพันกัน มีความสามัคคี
ภาคภูมิใจในความเป็นชาติ จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ความรักชาติที่รุนแรงจนเป็นลัทธิชาตินิยม
ทำให้เชื่อว่าชาติตนเหนือกว่าชาติอื่น
ผลักดันชาติของตนได้เปรียบชาติอื่นไม่ว่าด้านเศรษฐกิจ หรือการทหาร
นำไปสู่การแข่งขันอำนาจกัน จนกลายเป็นสงคราม เช่น สงครามการรวมอิตาลี
การรวมเยอรมนี จนถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ลัทธิจักรวรรดินิยม
ลัทธิชาตินิยมนำไปสู่ลัทธิจักรวรรดินิยม
ลัทธิจักรวรรดินิยม หมายถึงประเทศที่พัฒนา แล้วประสบความสำเร็จด้านเศรษฐกิจ
การทหาร และวิทยาศาสตร์ เข้าครอบครอง ที่ด้อยพัฒนากว่า
ลัทธิจักรวรรดินิยมเริ่มจากปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19
เมื่อมีการปฏิวัติอุตสาหกรรม ทำให้ต้องการวัตถุดิบและตลาด
มหาอำนาจยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ปรัสเซีย ( เยอรมนี) เนเธอร์แลนด์
ต่างแข่งขันกันขยายอำนาจในการครอบครองดินแดนในทวีปเอเชียอเมริกากลางและอัฟริกาโดยครอบงำทาวัฒนธรรม
และวิถีชีวิต เป็นแหล่งเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้เมืองแม่
การแบ่งกลุ่มพันธมิตรยุโรป
นโยบายการรวมกลุ่มที่มีผลประโยชน์ตรงกัน
เริ่มต้นใน ค.ศ. 1907
เมื่อ เยอรมัน และออสเตรีย-ฮังการีลงนามในสนธิสัญญาพันธมิตรไตรมิตร
(Triple Alliance )ประจันหน้ากับรุสเซีย เนื่องจากเยอรมนี
ต้องการไม่ให้รัสเซียเป็นใหญ่ในชนเผ่าสลาฟแหลมสมุทรบอลข่าน
ต่อมามีอิตาลีมาร่วมประเทศ เพราะไม่พอใจฝรั่งเศสที่แย่งครอบครองตูนิเซีย
ในฐานะรัฐในอารักขา ฝ่ายออสเตรีย – ฮังการีซึ่งต้องการเป็นใหญ่ในแหลมบอลข่านเช่นกัน
โดยได้รับการสนับสนุนจากเยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส
และรัสเซียลงนามในสนธิสัญญาสันธไมตรีไตรมิตร (Triple Entente ) ค.ศ. 1907และเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นด้วย
ความขัดแย้งเรื่องแหลมบอลข่าน
สาเหตุสำคัญเกิดจากการที่ออสเตรีย
– ฮังการีขัดแย้งกับเซอร์เบีย เรื่องการสร้างเขตอิทธิพลในแหลมบอลข่าน
เยอรมนีสนับสนุนออสเตรีย – ฮังการี
ขณะที่รัสเซียสนับสนุนเซอร์เบีย
ความขัดแย้งขยายความรุนแรงเป็นสงครามระหว่างรัฐในแหลมบอลข่าน
มหาอำนาจจึงมีโอกาสแทรกแซงและตั้งกลุ่มพันธมิตร
จุดระเบิดของสงครามโลกครั้งที่
1 มกุฎราชกุมารแห่งออสเตรีย-ฮังการีคือ อาร์ค ฟรานซิส เฟอร์ดินานด์
กับพระชายาโซเฟีย ถูกลอบปลงพระชนม์ในวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ.1914ที่เมืองซาราเจโว ขณะเสด็จเยือนเมืองหลวงของบอสเนีย โดยคนร้ายชื่อ กาฟริโล
ปรินซิพ นักศึกษาชาวบอสเนียสัญชาติเซอร์เบีย
ออสเตรียเรียกร้องให้เซอร์เบียปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง
เซอร์เบียปฏิเสธออสเตรีย-ฮังการีจึงประกาศสงครามกับเซอร์เบีย 28 กรกฎาคม 1914 รัสเซียแสดงตนว่าเป็นผู้พิทักษ์เผ่าสลาฟจึงระดมพล
เยอรมนีประกาศสงครามกับฝรั่งเศสและรัสเซีย
ต่อมาอังกฤษเข้าสู่สงครามเมื่อเยอรมนีบุกเบลเยียม
และญี่ปุ่นได้ประกาศสงครามต่อเยอรมนี เพราะมุ่งหวังในอาณานิคมของเยอรมนีในจีน
ผลของสงครามโลกครั้งที่
1
1. การสถาปนาองค์การสันนิบาตชาติ
แต่มีจุดอ่อนในการรักษาสันติภาพ เพราะรัสเซีย
ถอนตัวและสหรัฐอเมริกาไม่เข้าเป็นสมาชิก ทั้งยังไม่มีกองทหารรักษาสันติภาพด้วย
2. เกิดสนธิสัญญาสันติภาพที่ประเทศผู้ชนะร่างขึ้นมี
5 ฉบับ
-
สนธิสัญญาแวร์ซายส์ทำกับเยอรมนี
เยอรมนีต้องเสียค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาลและเสียดินแดนหลายแห่ง
ทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลก ราคาสินค้าตกต่ำ
ในเยอรมนีไม่สามารถใช้หนี้สงครามได้และมองสนธิสัญญานี้ว่าไม่เป็นธรรม
จนฮิตเลอร์นำมาประณามเมื่อเริ่มมีอำนาจ
-
สนธิสัญญาแซงต์ แยร์แมงทำกับออสเตรีย
-
สนธิสัญญาเนยยี ทำกับบัลแกเรีย
-
สนธิสัญญาตริอานองทำกับฮังการี
-
สนธิสัญญาแซฟส์ทำกับตุรกี
ต่อมาเกิดการปฏิวัติในตุรกีจึงมีการทำสนธิสัญญาใหม่เรียกว่าสนธิสัญญาโลซานน์
3. ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น
และความยากจนต่อเนื่องจากก่อนสงคราม นำไปสู่การที่เลนิน
ปฏิวัติเปลี่ยนประเทศรัสเซียเป็นคอมมิวนิสต์ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1
4. ในยุโรปมีรูปแบบของรัฐเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จ
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้แก่รัสเซีย
เลนินปฏิวัตินำระบบคอมมิวนิสต์มาปกครองรัสเซียใน ค.ศ. 1917 และในค.ศ.
1924 -1953 สตาลินได้ใช้ระบบเผด็จการที่เน้นการปราบศัตรูทางการเมืองและการผูกขาดอำนาจด้วยความรุนแรงมากขึ้น
ส่วนในเยอรมนี ฮิตเลอร์ได้เป็นผู้นำ ใช้ระบบเผด็จการโดยอำนาจพรรคนาซี ตั้งแต่ ค.ศ.1933
และในอิตาลี มุสโสลินีได้ตั้งพรรคฟาสซิสต์ขึ้นในเวลาต่อมา
5. เกิดประเทศใหม่ 7
ประเทศเนื่องมาจากการแยกดินแดนได้แก่ ฮังการี ยูโกสลาเวีย โปแลนด์
เชคโกสโลวาเกีย ลิทัวเนีย แลตเวีย แอสโตเนีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น